วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความรัก เหนือ วัตถุ สิ่งของ

วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก
แอนดี้น้องชายของฉัน
นั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น
ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม
ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็
ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ
แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ
เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง
แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย
เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด
แม้จากระยะไกล
ฉันก็เห็นรอยขีดเขียน
เปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ
และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ
ตาโตด้วยความหวาดหวั่น
รอคอยที่จะถูกทำโทษ
พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง
แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หนังสือทุกเล่มมีความหมายกับพ่อมาก
หนังสือคือความรู้ และหนังสือเล่มนี้
ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง
แต่ในขณะเดียวกัน
ท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก
สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีนั้นยอดเยี่ยมมาก
แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้
หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน
พ่อนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้
แล้วก็เขียนอะไรบางอย่าง
ลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง
พ่อเขียนที่ข้างๆลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า
"ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ"
"ต่อไปนี้ไม่ว่าครั้งไหน
ที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด
พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ
ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก
และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้
มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ
ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย
เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมาย
มาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน"
"ว้าว..." ฉันคิด
นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ
นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้
มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น
ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น
ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น
พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า
อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง
ซึ่งนั่นก็คือ
''คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ''
ลองมองย้อนดูตัวเองนะคะ
ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ
เช่น คุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร
เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ
แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ
และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอ
และคำพูดที่บอกว่า
"เดี๋ยวผมเทเองก็ได้"
นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก
น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน
เพราะอาหารมื้อนั้น
ไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว
แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า
ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก
เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด
ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้ง
ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ
และได้คิดถึงทุกครั้งว่า
ภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด
อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม)
แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าว
ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง)
รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้ว
แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้วล่ะ
สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้น
ไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน
หรือเนคไทเส้นละหลายๆพัน
แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจ
ที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง
เฝ้ารักเฝ้าถนอมความรู้สึกคุณ
อยู่ตลอดเวลาต่างหาก
แล้วคุณละคะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า .. อีโมติคอน kiki
--------
ที่มา Pink Planet. TH

นำมาจากเฟสบุค พี่สายฝน โอสถ ครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น